aXnXXX
Home Home2 Home3 Home4 Home5 Home6 Home7 Home8
................................
................................
................................
................................
................................
................................
................................
กรมอนามัยวิจัยผักพื้นบ้านพบมากคุณค่าสกัดมะเร็ง-ชะลอแก่

ลงวันที่ : 2012-01-05


เริ่มต้นศักราชใหม่ ปี 2555 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หนุนคนไทยหันมากินผักพื้นบ้าน 4 ภาค เนื่องจากผลวิจัยพบว่าเพียบพร้อมไปด้วยคุณค่าต่อสุขภาพเป็นได้ทั้งยาและอาหาร อาทิ ใบลำปะสี ดอกขี้เหล็ก ยอดมันปูหมาน้อย ผักแพว ยอดหมุย กะเพราแดง ผักเม็กใบสะเดา ยอดกะทกรก ดอกผักฮ้วน มีสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง ที่สำคัญชะลอแก่ได้ดี
นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านหลายชนิด ที่สามารถใช้เป็นยาและเป็นอาหารได้ เช่น สะเดา ผักแพว กะเพราซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อาหารไทยยกกำลัง 2 เนื่องจากมีลักษณะพิเศษต่างจากอาหารชาติอื่นจึงมีนโยบายให้สำนักโภชนาการ กรมอนามัยทำการศึกษาวิจัยหาคุณค่าของผักพื้นบ้านที่คนไทยทั้ง 4 ภาค นิยมกินกันอยู่ทั่วไป ทั้งดอก ใบยอดอ่อน ฝัก ผล หัวและราก เพื่อเผยแพร่สรรพคุณและส่งเสริมให้มีการนำมาเป็นอาหารบำรุงสุขภาพในปี 2555 เพิ่มภูมิต้านทานโรคและจะให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)เผยแพร่ส่งเสริมประชาชนใช้บริโภค และให้โรงพยาบาลในสังกัด สธ.นำมาปรุงเป็นอาหารตัวอย่างสำหรับผู้ป่วย ตั้งเป้าว่าเมื่อออกจากโรงพยาบาลสามารถนำไปทำกินเองที่บ้านได้ Audemars Piguet Replica Watches


นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่าประเทศไทยมีผักพื้นบ้านมากกว่า 300 ชนิด ส่วนใหญ่จะขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ริมห้วย หนองคลอง บึง และป่าเขา ในการศึกษาผักพื้นบ้านในปี 2554 กรมอนามัยได้เก็บตัวอย่างผักพื้นบ้านรวม45 ชนิด จาก 4 ภาค ประกอบด้วยภาคกลาง 12 ชนิด ภาคเหนือ 6 ชนิด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ5 ชนิด และภาคใต้ 22 ชนิด นำไปศึกษาปริมาณสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย 9 ชนิด ได้แก่1.พลังงาน 2.โปรตีน 3.ไขมัน 4.คาร์โบไฮเดรต5.เบต้าแคโรทีน 6.วิตามินซี 7.ใยอาหาร 8.ธาตุเหล็ก และ 9.แคลเซียม ผลการศึกษาเมื่อเปรียบเทียบน้ำหนักทุก 100 กรัมเท่ากัน พบว่าผักพื้นบ้านของไทยทุกชนิดให้พลังงาน โปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรตน้อยมากจึงกล่าวได้ว่า ผักเหล่านี้กินแล้วไม่ทำให้อ้วน

ผักที่มีแคลเซียมสูงที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ 1.หมาน้อย 423 มิลลิกรัม 2.ผักแพว 390 มิลลิกรัม 3.ยอดสะเดา384 มิลลิกรัม 4.กะเพราขาว 221 มิลลิกรัม 5.ใบขี้เหล็ก 156 มิลลิกรัม 6.ใบเหลียง 151 มิลลิกรัม7.ยอดมะยม 147 มิลลิกรัม 8.ผักแส้ว 142 มิลลิกรัม 9.ดอกผักฮ้วน 113 มิลลิกรัม และ 10.ผักแมะ 112 มิลลิกรัม โดยแคลเซียม มีบทบาทหลักคือ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยในการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ หัวใจและหลอดเลือดนอกจากนี้ยังช่วยในการแข็งตัวของเลือด และควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนบางชนิด

ผักที่มีธาตุเหล็กสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ใบกะเพราแดงมี 15 มิลลิกรัม 2.ผักเม็กมี 12 มิลลิกรัม 3.ใบขี้เหล็กมี 6 มิลลิกรัม 4.ใบสะเดามี5 มิลลิกรัม และ 5.ผักแพว 3 มิลลิกรัม ส่วนธาตุเหล็ก เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง เพื่อนำออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย และมีบทบาทในด้านพัฒนาการและการเรียนรู้ สมรรถภาพในการทำงาน สร้างภูมิต้านทานโรค และเกี่ยวข้องกับการเจริญพันธุ์ ธาตุเหล็กจะถูกดูดซึมได้ดีต้องกินอาหารที่มีวิตามินซีควบคู่ด้วย

ผักที่มีใยอาหารสูง 10 อันดับ ได้แก่ 1.ยอดมันปู 16.7 กรัม 2.ยอดหมุย 14.2 กรัม 3.ยอดสะเดา 12.2 กรัม 4.เนียงรอก 11.2 กรัม5.ดอกขี้เหล็ก 9.8 กรัม 6.ผักแพว 9.7 กรัม7.ยอดมะยม 9.4 กรัม 8.ใบเหลียง 8.8 กรัม9.หมากหมก 7.7 กรัม และ 10.ผักเม่า 7.1 กรัมซึ่งใยอาหารในผัก ทำให้ร่างกายขับถ่ายอุจจาระได้เร็วขึ้น ท้องไม่ผูก ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทำให้การดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้าลง ส่งผลให้ลดระดับการใช้อินซูลิน

นอกจากนี้ ใยอาหารบางชนิด ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ผักที่มีเบต้าแคโรทีน สูง 10 อันดับ ได้แก่1.ยอดลำปะสี 15,157 ไมโครกรัม 2.ผักแมะ9,102 ไมโครกรัม 3.ยอดกะทกรก 8,498 ไมโครกรัม 4.ใบกะเพราแดง 7,875 ไมโครกรัม5.ยี่หร่า 7,408 ไมโครกรัม 6.หมาน้อย 6,577 ไมโครกรัม 7.ผักเจียงดา 5,905 ไมโครกรัม8.ยอดมันปู 5,646 ไมโครกรัม 9.ยอดหมุย5,390 ไมโครกรัม และ 10.ผักหวาน 4,823 ไมโครกรัม

ส่วนผักที่มีวิตามินซีสูง 10 อันดับได้แก่ 1.ดอกขี้เหล็ก 484 มิลลิกรัม 2.ดอกผักฮ้วน 472 มิลลิกรัม 3.ยอดผักฮ้วน 351 มิลลิกรัม 4.ฝักมะรุม 262 มิลลิกรัม 5.ยอดสะเดา 194 มิลลิกรัม 6.ผักเจียงดา 153 มิลลิกรัม 7.ดอกสะเดา 123 มิลลิกรัม 8.ผักแพว115 มิลลิกรัม 9.ผักหวาน 107 มิลลิกรัม และ10.ยอดกะทกรก 86 มิลลิกรัม โดยทั้งเบต้าแคโรทีนและวิตามินซี เป็นสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคหัวใจลดการอักเสบ เสริมสร้างภูมิต้านทานโรคในร่างกาย ทำให้ร่างกายแก่ชราช้าลงด้วย

การนำผักพื้นบ้านประจำถิ่นมาปรุงประกอบอาหาร นับได้ว่าเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย ในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคโดยไม่ต้องพึ่งยาและสารเคมี ในแต่ละภาคของประเทศไทยมีผักพื้นบ้านสามารถเลือกกินได้ตลอดปี และประชาชนควรเพิ่มการกินผักพื้นบ้านให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายแล้วยังเป็นการอนุรักษ์ผักพื้นบ้านให้ลูกหลานรู้จักและบริโภคต่อได้

แหล่งข่าวโดย : มติชน(4 มค.55)

imitacion golden goose
fausse golden goose
login-phuket-healthy
Name :

Password :






หน้าหลัก  |    ผู้บริหารและวิสัยทัศน์   |   นโยบาย  |    ข้อมูลทั่วไป  |    หนังสือราชการ   |   ข่าวหน่วยงาน   |   ข่าวประชาสัมพันธ์   |   ปฎิทินกิจกรรม  |   ติดต่อเรา